ต้องเต เปิด SYMBOLIC จุดสำคัญในภาพยนตร์ สัปเหร่อ “สัปเหร่อ” มาแรงแซงทางโค้งมาก กระแสตอบรับดีเกินคาด โดยมีหลายเพจได้เข้ามารีวิวและพูดถึงเรื่องราวของภาพยนตร์และความอบอุ่นของมุมมองหนังอีสานไทบ้านอย่างมาก โดยล่าสุด ผู้กำกับภาพยนตร์สัปเหร่อ ที่รายได้ตอนนี้ทะลุ 350 ล้าน ได้ออกมาพูดถึงความสำคัญที่อยากนำเสนอในมุมมองความเชื่อและวัฒนธรรมทางอีสาน โดยต้องเตธิติได้โพสต์ผ่านฟสบุ๊คส่วนตัวถึงเนื้อหาของ SYMBOLIC จุดสำคัญในภาพยนตร์ โดยมีแฟนคลับเข้ามาแชร์เป็นจำนวนมากถึง 5.3 หมื่นเลยทีเดียว โดยเนื้อหาที่ต้องเต้ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คนั้น
“SYMBOLIC – บางส่วนของหนังเรื่องสัปเหร่อนะครับ
ยายที่แก่ชราตาแทบมองไม่เห็น แก่จนไม่รู้ความสุกพอดีกินของข้าวจี่ รู้แค่ว่าห่วงลูกหลาน ไม่สนใจว่าลูกหรือหลานตัวเองจะทำผิดหรือทำไม่ดีมาขนาดไหน รู้แต่ว่าอยากดูแลเขา มอบความรัก มอบความห่วงใย มอบความอบอุ่น / บางครั้งเราอาจแค่อยากกินข้าวธรรมดากับคนในครอบครัวธรรมดา ที่แสนจะพิเศษแค่นั้นเองครับ /นี่อาจเป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่แท้จริงของคนที่อยู่ข้างๆ ความรักต้องรักษาด้วยความรัก
สื่อถึงการหลุดลอย การปลดปล่อย จากความสุขและทุกข์ของคนที่ยังอยู่และคนที่จากไป
กิจกรรมในงานศพ แสดงถึงเส้นเเบ่งระหว่างอารมณ์สนุกกับความเศร้า ของเจิดกับวงไฮโล เพื่อบอกเป็นนัยยะว่าถ้าความตายไม่ได้เกิดกับคนที่เรารัก เราก็จะยังมีความสุขต่อไปได้โดยที่บางทีเราอาจลืมนึกถึงเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ในสมัยก่อนจะสื่อถึงการเเบ่งเเยกชนชั้นทางสังคม เเต่พอมาอยู่บนตัวเจิด ความหมายเเฝงที่ว่า เจิดที่จบกฎหมายกับการทำศพ เราจะไม่เเบ่งเเยกว่าใครเป็นใคร ทุกศพเราปฏิบัติด้วยความเท่าเทียมกัน
พิธีทางความเชื่อของภาคอีสานที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนเจ็บไข้ได้ป่วยทางใจจะด้วยการประสบอุบัติเหตุก็ดี หรืออาการเจ็บป่วยก็ตาม โดยพิธีนี้มีความเชื่อว่า เมื่อบุคคลใดเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้นจะทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ หายป่วยแล้วก็จะมีอาการซึมเศร้า ไม่สดชื่น ไม่แจ่มใสเหมือนคนปกติ จึงทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะทำพิธีนี้ขึ้นเพื่อเป็นการนำขวัญและกำลังใจของคนๆ นั้นกลับมาชาวอีสานบางคนกล่าวว่า หากไม่ทำ พิธีส่อนขวัญคนป่วยกลับคืนมา อาการของผู้ป่วย
การหว่านกัลปพฤกษ์ในงานศพ เป็นการแสดงให้เห็นภาพว่า ในขณะที่มีผู้คนกำลังแย่งยื้อเงินทองกันอย่างวุ่นวายอยู่นั้น ศพที่ตั้งอยู่กลับไม่รู้สึกอยากได้เงินทองเหล่านั้นเลย ยังนอนสงบนิ่ง ผิดกับตอนมีชีวิตอยู่ ต้องออกแรงดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง อีกอย่างหนึ่ง การหว่านกัลปพฤกษ์นั้นคือการโปรยทาน เป็นสร้างกุศลบารมีครั้งสุดท้ายให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ตามความเชื่อของชาวอีสาน คือ ป้องกัน ภูตผีปีศาจ มาเอาลูกในท้องของเเม่เด็ก
ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นน้ำตกไหลสวนทางกัน สื่อถึงธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนเเปลงและเเตกต่างกันอยู่เสมอ คนเราไม่อาจขัดขวางหรือฝืนธรรมชาติได้ มันคือธรรมชาติของจริงที่เราต้องเจอ เรียนรู้ แล้วอยู่กับมัน
บาดแผลจากความรัก ไม่อาจหายไปจากความทรงจำ
ธุง เป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมสำคัญของชาวอีสานมาอย่างยาวนาน เชื่อกันว่าสามารถใช้ป้องกันสิ่งนิสัยไม่ดีร้ายหรือสิ่งไม่ดีที่มองไม่เห็นหรือภูตผีวิญญาณที่จะมารบกวนงานบุญ หากเห็นธุงแล้วจะถอยออกไป พร้อมกันนั้นยังเป็นการบอกกล่าวบวงสรวงเทพยดาในพื้นที่ว่ามีการทำบุญและมีพิธีการสำคัญให้มาช่วยปกป้องคุ้มครอง
ยังสะท้อนความเชื่อหลายอย่างด้วยกัน อาทิ แทนการเชื่อมโยงวิญญาณหลังความตาย รวมถึงเป็นกุศโลบาย หมายถึง สายใยนำสู่พระธรรม เป็นบุญเป็นกุศลให้คนที่ประดิษฐ์ธุงแมงมุมถวายเป็นพุทธบูชา ได้ยึดเกาะสายใยนี้สู่ภพแห่งพระศรีอริยเมตไตรยหรือสู่นิพพาน
สื่อถึงคติธรรมว่า คนตายนั้น รูปกับนามแตกจากกันเหมือนข้าวตอกแตกที่แตกออกจากกัน
อีสานมีความเชื่อการผูกฝ้าย เป็นการรับขวัญให้เข้ามาในชีวิต ให้ชีวิตเจอแต่สิ่งดีๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อหรือเป็นความจริงสุดท้ายถ้าทำแล้วเราสบายใจที่จะทำเราก็ทำ อย่างน้อยการที่เราทำมันก็เกิดจากความรัก ความห่วงใย ความอบอุ่นของหัวใจเนาเอง
ในความเชื่อของชาวอีสาน การเเขวนเสื้อแดงที่หน้าบ้านเป็นการป้องกันผีเเม่ม่ายที่จะมาเอาชีวิตของคนในบ้าน เเละอีกความเชื่อเป็นการป้องกันสิ่งอัปมงคลเเละผีต่างๆไม่ให้มารังควานผู้คนที่อยู่ในบ้าน
เราตั้งคำถามว่าสื่อถึงการช่วยคลายความโศกเศร้าของคนที่สูญเสีย แต่เมื่อถึงวาระสุดท้ายที่จะทำการเผาศพผู้วายชนม์ เกิดขึ้นจริงๆสีสันต่างๆของเมรุยังจะช่วยปลอบอารมณ์ของเราได้ไหม
โบยบินออกที่จากที่อยู่อาศัย โบยบินออกจากความเป็นห่วง โบยบินออกจากการสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก อันนี้ตีความได้เยอะมากเลยครับ